11 พฤศจิกายน, 2551

ฅนร้อยฝันครั้งที่ 3 ร.ร.บ้านสี่แยก จว.สระแก้ว ปี 48 ขอแสดงความคารวะแด่ผู้ใหญ่บ้าน ต.บ้านสี่แยก



สองผู้ยิ่งใหญ่ แต่คนละชั้น....

ด.ต.ทวนทอง ทองสุวรรณ (ประจำชั้น 1)-ด.ต.ประทีป นุทกิจ(ประจำชั้น 3)

ถึงราวเดือน ต.ค.ของทุกปี ชีวิตมีความกระตือรือร้นอย่างประหลาด ความอยากไปทำบุญกำเริบ...
หัวใจเต้นแรง..อยากทำเพื่อสังคม เพื่อเด็ก โดยไม่ต้องบังคับความรู้สึก
ทุกคนใน"ชมรมฅนร้อยฝัน"มีความรู้สึกเหมือนกัน แม้ไม่แสดงออกมาแต่ก็สังเกตได้
โดยจะมีคำถามมาว่า"พี่ใกล้เวลาหรือยัง?..ปีนี้ไปที่ไหน?..เอาหรือยังละ?"เป็นต้น
คำถามเหล่านี้มาจากใจของพี่น้องทุกคนที่อยู่ใน สน. รวมไปถึงชาวบ้านทั่วไปที่ได้
ร่วมกิจกรรมกับชมรมฯมา...ดีใจและซึ้งใจมากที่ได้ยินคำถามเหล่านี้....
...ในที่สุดครั้งที่ 3 ก็มาถึงโดยการ vote จากสมาชิกที่เข้าประชุม
ได้ไปที่ ร.ร.บ้านสี่แยก จว.สระแก้ว....
พื้นที่ของ พ.ต.ต.เทวา บุญาเรียง ------------------->>
มีการระดมทุน จาก ตร.,พ่อค้า,ประชาชน,
หน่วยงานราชการต่างๆ ที่พอจะขอบริจาคได้ นำสิ่งของไปให้..
ทุกอย่างเกือบเรียบร้อยดี...แต่มีผู้ใหญ่บ้านที่รับผิดชอบในพื้นที่ของ ร.ร.นั้น
ต้องมาเสียสละอย่างมาก...โดยที่ทุกคนไม่คาดคิด...
...................
เช้าวันที่ 2 ที่ทุกคนต้องไปที่ ร.ร.เพื่อบริจาคของ ตื่นนอนกันมาแต่เช้า อากาศบริสุทธิ์ หมอกยามเช้า กินข้าวต้ม ทำภารกิจส่วนตัว เริ่มเก็บของ เก็บเต้นท์ที่พัก ทะยอยกันไป ที่ ร.ร. มีผู้ชายคนหนึ่งที่คอยดูแลคณะของเราอย่างดี ช่วยหาเต้นที่พักสำหรับคณะที่
ไม่มีมา ช่วยหาโต๊ะ-เก้าอี้ ช่วยหาไฟส่องสว่าง ช่วยหาน้ำมันเติมเครื่องปั่นไฟ และอีก
มากมาย...เขาคือ..ผู้ใหญ่บ้าน...ที่เป็นเพื่อนกับ พ.ต.ต.เทวา ฯ เช้าวันนั้นผู้ใหญ่ก็ยังไม่
ได้พักผ่อน มาพร้อมลูกบ้านขนโต๊ะ-เก้าอี้ เพื่อไปใช้ที่ ร.ร. ......................
หลังจากผมเก็บสัมภาระเรียบร้อย ขับรถ wish คู่ใจมาพร้อมภรรยา และน้องภรรยา
พบเห็นรถกะบะคันหนึ่งวิ่งสวนทางมา แต่แล้วทันใดนั้นรถคันดังกล่าวก็พุ่งลงข้างทาง
โดยที่มีเก้าอี้ และคนอยู่ด้านหลังกะบะ คนที่อยู่ด้านหลังกระโดดลงมาพยายามบังคับ
พวงมาลัยและทำให้รถหยุด...ในที่สุดรถคันดังกล่าวก็สงบนิ่ง...ผมรีบหยุดรถลงไปดู..
พบว่ามีผู้ชายอายุประมาณ 40 ปี นั่งตัวเกร็งอยู่ที่ด้านหลังพวงมาลัย คนที่อยู่หลังรถ
พยายามดึงชายคนนั้นออกมา แล้วพบว่ามีอาการชักเหมือนเป็นลมบ้าหมู ผมรีบบอก
น้องภรรยาให้ไปเรียกคนมาช่วย ส่วนผมพยายามไม่ให้กัดลิ้น ระหว่างนั้นแกหยุดหายใจ
....................
ผมรีบเอามือง้างปากแล้วช่วยหายใจ ปั้มหัวใจ เท่าที่จะนึกออก แกอาการดีขึ้นพยายาม
หายใจด้วยตัวเอง แต่ไม่นานก็เป็นอีก ทันใดนั้นรถปิคอัพสีน้ำตาล ยี่ห้อโตโยต้า ก็เบรค
อย่างแรงด้านหลังผม..ด.ต.มานิตย์น รุ่นพี่ที่ สน. ผมรีบตะโกนบอกพี่เค้าว่าหยุดหายใจ
พี่เขาให้นำขึ้นท้ายกะบะพร้อมชาวบ้าน บอกทางไป รพ. ผมกระโดดขึ้นรถพร้อมครอบครัว
ขับตาม ไปที่อนามัยใกล้ทีสุด...........ไม่มีหมอ.....ต้องขับรถไปอีกประมาณ 5 กม.
ถึง รพ. แพทย์รับตัวไว้......พยายามช่วยอย่างสุดความสามารถ...แต่ไม่สามารถช่วยได้..
ผู้ใหญ่บ้านเสียชีวิต...............แต่งานต้องดำเนินต่อไป..ส่วนที่เหลือก็ทำงานจนเสร็จ
ผมแจ้งข่าวให้ทราบทุกคนล้วนแต่เสียใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้...ทราบภายหลังว่าผู้ใหญ่บ้าน
มีงานเยอะ(ช่วงเวลาดังกล่าว)ทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อน ประกอบกับกินเครื่องดื่มชูกำลังหลาย
ขวด เพราะกลัวว่างานบริจาคของจะไม่เรียบร้อย ทำให้เกิดอาการลมชักและถึงแก่ความตาย
....ตั้งแต่นั้นผมปวารณาตัวว่าไม่ว่าจะทำกิจกรรมใดๆ งานปฐมพยาบาลต้องมีและให้ความสำคัญ
ต้องสำรวจอนามัย-รพ.ที่ใกล้ที่สุด หรือต้องมีแพทย์-พยาบาลมาอยู่กับเราตอนทำกิจกรรม
ใครจะว่าผมบ้าก็ยอม เพราะผมยังจำรสชาดของริมฝีปากผู้ใหญ่บ้านที่มีกลิ่นแกงหน่อไม้ไก่
ขณะผมพยายามผายปอดแกได้ตลอดเวลา ความรู้สึกของการพยายามมีชีวิต..
....การพยายามช่วยชีวิต....การเสียใจที่ช่วยเขาไม่ได้

ไม่มีความคิดเห็น: